บทความที่ได้รับความนิยม

วันพุธที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

การเพาะเลี้ยงปลาทอง


การเพาะพันธุ์ปลาทอง
      ในช่วงฤดูฝนเป็นช่วงเวลาที่ปลาทองจะผสมพันธุ์วางไข่ก่อนหรือหลังระยะดังกล่าวก็อาจเพาะพันธุ์
ได้บ้างแต่เป็นส่วนน้อยปลาทองจะถึงวัยเจริญพันธุ์เมื่ออายุประมาณ 4-6 เดือน แต่ช่วงที่เหมาะสมคืออาย
ุ 7-8 เดือน และจะวางไข่ไปเรื่อย ๆ จนอายุ 6-7 ปี แต่เนื่องจากประเทศไทยเป็นเมืองร้อนปลาสามารถ
วางไข่ได้เป็นระยะเวลาหลายเดือนใน 1 ปี จึงทำให้อายุใช้งานของพ่อแม่พันธุ์น้อยลงคือประมาณ 2 ปี
ผู้เลี้ยงก็จะต้องหาพ่อแม่พันธุ์ใหม่
       การเพาะพันธุ์ปลาทองอาจเพาะพันธุ์ได้ในตู้กระจก บ่อซีเมนต์กลมขนาดเล็กเส้นผ่าศูนย์กลางตั้งแต่
80 เซนติเมตร หรือใช้บ่อสี่เหลี่ยมขนาด 1 ตารางเมตรขึ้นไป หลังจากทำความสะอาดบ่อหรือภาชนะ
เรียบร้อยแล้วให้เติมน้ำสะอาดที่ปราศจากคลอรีน (อุณหภูมิของน้ำควรอยู่ในช่วง 25 - 28 องศาเซลเซียส)
ให้ระดับน้ำสูงประมาณ 20-30 เซนติเมตร และควรใส่สาหร่ายหรือผักตบชวาโดยนำมาแช่ด่างทับทิม
ก่อนหรือใช้เชือกฟาง นำเชือกฟางมามัดแล้วฉีกเป็นเส้นฝอยใส่ลงในบ่อเพื่อให้ไข่เกาะ เพราะไข่ของปลา
ทองเป็นประเภทไข่ติด หรืออาจจะเพาะในกะละมัง ซึ่งวิธีนี้ไม่ต้องใส่เชือกฟางให้ไข่เกาะ เพราะไข่จะ
เกาะติดกับกะละมังที่ใช้เพาะฟัก
การเพาะพันธุ์ปลาทองสามารถเพาะพันธุ์โดยวิธีเลียนแบบธรรมชาติ หรือโดยวิธีผสมเทียม ดังนี้

การเพาะพันธุ์โดยวิธีเลียนแบบธรรมชาติ เป็นวิธีการเพาะพันธุ์ปลาทองแบบง่ายและประหยัด บ่อหรือ
ภาชนะที่มีขนาดประมาณ 1 ตารางเมตร เป็นขนาดที่เหมาะสมที่สุดและควรปล่อยพ่อแม่ปลาเพียง 4-6
ตัว/บ่อ โดยนำพ่อแม่พันธุ์ที่มีความสมบูรณ์พร้อมผสมพันธุ์ที่คัดไว้เรียบร้อยแล้วมาใส่ในบ่อเพาะ ในอัตรา
ส่วนตัวผู้ : ตัวเมีย เท่ากับ 1 : 1 หรือ 2 : 1 ขึ้นกับปริมาณน้ำเชื้อของตัวผู้และความสมบูรณ์เพศของแม่พันธุ์
ปลาตัวผู้จะเริ่มไล่ปลาตัวเมียโดยใช้ปากดุนที่ท้องปลาตัวเมียเพื่อกระตุ้นให้วางไข่ ตัวเมียปล่อยไข่เป็นระยะ ๆ
ขณะเดียวกันตัวผู้จะปล่อยน้ำเชื้อเข้าผสมกับไข่ ไข่ก็จะกระจายติดกับสาหร่าย ผักตบชวาหรือเชือกฟางที่อยู่
ไว้ในบ่อ
       เนื่องจากไข่มีลักษณะเป็นเมือกเหนียวช่วยในการยึดเกาะได้ระยะเวลาในการผสมพันธุ์ อาจใช้เวลาถึง
3ชั่วโมง ปลาจึงวางไข่หมด แม่ปลาวางไข่ครั้งละ 500-5000 ฟอง โดยปริมาณไข่จะขึ้นกับขนาดของแม่
ปลา ปลาตัวเล็กปริมาณไข่ก็จะน้อย ภายหลังจากที่ปลาผสมพันธุ์กันแล้ว จะสังเกตเห็นน้ำในบ่อเพาะพันธุ์มี
ลักษณะเป็นฟองคล้ายมีเมือกผสมอยู่ในน้ำหรือสามารถตรวจสอบอย่างง่าย ๆก็คือ หลังจากที่ใส่รังเทียม
ในตอนเย็นจะสามารถตรวจสอบการวางไข่ในตอนเช้า หลังจากที่แม่ปลาวางไข่แล้ว ควรแยกพ่อแม่ออกไป
เลี้ยงในบ่ออื่น หรือจะเก็บรังเทียมไปฟักในบ่ออื่นก็ได้ แต่วิธีนี้ไข่อาจติดอยู่บริเวณขอบหรือพื้นก้นบ่อยากแก่
การรวบรวม โดยปกติแม่ปลาทองจะวางไข่มากในช่วงเดือน เมษายน - ตุลาคม
        หลังจากปลาผสมพันธุ์แล้ว พ่อแม่ปลาจะไม่สนใจกับไข่ปลา และบางครั้งอาจกินไข่ด้วย ดังนั้นจึงจำเป็น
ต้องแยกพ่อแม่ปลาออกทันที
  การเพาะพันธุ์โดยวิธีผสมเทียม
       การเพาะพันธุ์โดยวิธีผสมเทียมจะทำให้อัตราการผสมไข่และน้ำเชื้อสูงมากมีอัตราการฟักไข่สูงกว่าการ
เพาะพันธุ์โดยวิธีธรรมชาติแต่ขั้นตอนจะยุ่งยากกว่าหลังจากที่เตรียมอ่างเพาะหรือบ่อเพาะปลาแล้วให้ตรวจ
ความพร้อมของแม่ปลา สำหรับแม่ปลาจะต้องมีท้องนิ่มพร้อมที่จะวางไข่การผสมพันธุ์โดยวิธีนี้ควรทำตอน
เช้ามืดใกล้สว่าง ซึ่งเป็นเวลาที่ปลาชอบผสมพันธุ์กันเอง โดยใช้ปลาตัวผู้ : ปลาตัวเมียในอัตราส่วน 1 : 1 หรือ
2 : 1 ตัว เพื่อให้น้ำเชื้อของปลาตัวผู้มีปริมาณเพียงพอกับจำนวนไข่ของปลาตัวเมีย รีดไข่จากแม่ปลาลงใน
กะละมังที่มีน้ำสะอาด แล้วรีดน้ำเชื้อจากปลาตัวผู้ 1-2 ตัวลงผสมพร้อม ๆ กันขั้นตอนการรีดต้องทำอย่าง
รวดเร็วและนุ่มนวล เพราะปลาอาจเกิดบอบช้ำหรือถึงตายได้ถ้าปลาอยู่ในมือนาน จากนั้นคลุกเคล้าไข่กับน้ำ
เชื้อให้เข้ากัน เพื่อให้น้ำเชื้อของปลาตัวผู้ไปผสมกับไข่ของปลาตัวเมียได้อย่างทั่วถึง แล้วล้างไข่ด้วยน้ำสะอาด
1-2 ครั้ง วิธีนี้จะช่วยให้อัตราการฟักเป็นตัวของไข่ปลามีมากกว่าการปล่อยให้ปลาผสมพันธุ์กันเองตามวิธี
ธรรมชาติ เมื่อไข่ถูกน้ำจะดูดซึมน้ำเข้าภายในเซลล์ (Cell) และมีสารเหนียว ๆ ทำให้ไข่ติดกับกะละมัง ถ้าแม่
ปลา 1 ตัวที่มีปริมาณไข่มาก สามารถรีดไข่ได้ 2-3 กะละมัง (กะละมังขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 12 นิ้ว) ไข่ที่
ได้รับการผสมน้ำเชื้อจะมีลักษณะใสวาว ๆ สีเหลือง ส่วนไข่ที่ไม่ได้รับการผสม มีสีขาวขุ่น
       นำกะลังมังที่มีไข่ปลาติดอยู่ ไปใส่ในบ่อฟักที่มีระดับน้ำลึกประมาณ 30 เซนติเมตร โดยวางกะละมังให้
จมน้ำ ให้ออกซิเจนเบา ๆ เป็นจุด ๆ ตลอดเวลา อุณหภูมิของน้ำภายในอ่างฟักไข่อยู่ในช่วง 27 - 28 องศาเซลเซียส การควบคุมอุณหภูมิน้ำในช่วงที่ไข่ฟักตัวเป็นสิ่งสำคัญมาก เนื่องจากในช่วงที่ไข่ปลากำลังฟักตัวจะมีภูมิต้าน
ทานน้อยมาก ถ้าหากอุณหภูมิของน้ำเกิดการเปลี่ยนแปลงมากอาจทำให้ไข่ปลาเสียได้ ในช่วงฤดูหนาวที่อุณหภูมิ
ลดลงมากอาจใช้ฮีทเตอร์ เพื่อช่วยในการควบคุมอุณหภูมิน้ำ

การเลี้ยงปลาทอง

การเลี้ยงปลาทอง
  1. ลักษณะทั่วไป  เป็นปลาน้ำจืดมีรูปร่างสวยงามแตกต่างกันไปตามสายพันธุ์ที่เป็นราชาแห่งปลาทองได้แก่ปลาทองพันธุ์หัวสิงโต
  2. ชาติแรกที่ทำการเลี้ยงปลาทองและเพาะผสมพันธุ์  ได้แก่ชาวจีนประมาณปี  1161-1550  ในหมู่ของขุนนางและในราชสำนัก
  3. การเลี้ยงปลาทองดังกล่าวเพื่อให้มีสุขภาพแข็งแรง  มีสีสดใสต้องคำนึงถึงสถานที่เลี้ยงและภาชนะ  ที่ยอมรับโดยทั่วไปก็จะเป็นอ่างซีเมนต์และตู้กระจกสี่เหลี่ยม  ควรเลือกตู้กระจกที่ที่มีขนาดบรรจุน้ำจำนวน  40  ลิตรเป็นอย่างน้อย  โดยใช้เลี้ยงปลาขนาดกลางจะได้ประมาณ  12  ตัวเพื่อให้มีที่ว่างมากพอเพื่อตกแต่งให้เป็นธรรมชาติและติดตั้งปั๊มอากาศ  อื่นๆอีกตามต้องการ
  4. การเลี้ยงปลาทองในบ่อหรืออ่างนอกบ้าน
    การเพาะเลี้ยงปลาทองแบบนี้ต้องคำนึงถึงแสงสว่าง  ไม่เป็นที่อับแสง  หากแสงมากเกินไป
    ควรใช้ตาข่ายกรองแสงประมาณ  60% ปิดปากบ่อ
    บ่อไม่ควรอยู่ใกล้แหล่งสารเคมีที่มีพิษ
    บ่อไม่ควรอยู่ตรงชายคาน้ำตก  ควรระวังศัตรูปลา  เช่นแมว  นก
    บ่อเลี้ยงควรสร้างให้ลาดเอียง  เพื่อสะดวกในการเปลี่ยนถ่ายน้ำออกให้หมด

  5. การให้อาหารปลาทอง
    อาหารสำเร็จรูป  ควรให้อาหารวันละ  1 – 2  ครั้ง
    อาหารเสริม
    อาหารธรรมชาติ  เช่นลูกน้ำ  หนอนแดง  ฯลฯ
ดูรูปทรงและความสมดุล

การดูรูปทรงความสมดุลของปลา ต้องดูถึงลักษณะรูปร่างและส่วนประกอบใน
สรีระต่างๆของปลา ซึ่งเมื่อมองจากทางด้านบนในขณะที่ปลา่กำลังว่ายน้ำให้เริ่ม
พิจารณาโดยรวมอีดครั้งว่าปลามีลักษระการว่ายน้ำสมดุลดีหรือไม่

ความอ้วนและความแข็งแรงของตัวปลา

จะต้องมองที่ความกว้างของลำตัวและจะต้องสังเกตโคนหางร่วมกันไปด้วยว่า
ลักษณะตัวปลาที่ตัวใหญ่หรืออ้วนก็จะต้องมีโคนหางที่ใหญ่แข็งแรงสมดุลกับ
ตัวปลาซึ่งเมื่อมองจากมุมด้านบนต้องสังเกตจากความกว้างของลำตัว
ซึ่งจะต้องมีความอ้วนหนา บึกบึนได้รูปและมีโคนหางที่ใหญ่แข็งแรง

การเรียงแถวของเกล็ดอละความสวยงามขิงสีสันลวดลาย
การเรียงแถวของเกล็ดนั้นควรมีลักษณะการเรียงเป็นแนวเดียวกันไม่
กระจัดกระจายออกจากแถวเมื่อมองดูแล้วมีความเป็นระเบียบเรียบร้อยเนียนตา
ในส่วนของสีสันบนตัวปลาจะเป็นสีที่สดเข้มมองดูแล้วสะดุดตาไม่ว่าจะเป็นสีแดง
หรือสีขาวในส่วนของลวดลายที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องของมุมมองส่วนตัว
ซึ่งจะต้องใช้ศิลปะและประสบการณ์เข้ามาประกอบด้วยส่วนหนึ่ง

ปลาที่มีสง่าราศี

จะต้องใช้ประสบการณ์และชำนาญซึ่งเกิดจากการดูและสัมผัสปลามาพอสมควร
จึงจะบอกได้ว่าปลาตัวใดมีลักษณะเด่นหรือดูมีสง่างามกว่าอีกตัว กล่าวคือ
เป็นเรื่องนามธรรม ซึ่งการดูจะอาศัยการมองถึงลักษณะโดยรวมของปลาทั้งส่วนหัว
ลำตัวและหาง ซึ่งจะเห็นได้ว่าในการประกวดปลาบางตัวอาจจะมีครีบหางที่ไม่สวย
หรือครีบคดบางตัวสีไม่สดเหมือนอีกตัว แต่ยังได้อันดับดีกว่า ซึ่งทางกรรมการก็อาศัย
เกณฑ์การมองภาพรวมเช่นเดียวกัน

การว่ายน้ำของปลา
มีการเปรียบเปรยกันว่า" ปลาทองนั้นมีลีลาในการแหวกว่ายน้ำพลิ้วไหว
ดั่งชายกิโมโนของสาวญี่ปุ่นยามโบกสะบัด" ซึ่งหมายความว่า ในส่วนของ
ช่วงโคนหางหรืแที่เรียกว่าสะโพกของปลาในตอนที่ว่ายนั้นดูสวยงาม ดูปราดเปรียวและมีชีวิตชีวา

วันอาทิตย์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

สื่อใหม่ในความคิดของเรา

   สื่อใหม่จากความคิดเห็นของดิฉัน คือรูปแบบในการสื่อสารต่างๆ ซึ่งจะมีด้วยกันหลายรูปแบบ โดยการใช้ความคิด และ เทคโนโลยีที่สร้างสรรค์ สื่อจึงถูกสร้างขึ้นใหม่เรื่อยๆ มีจุดเด่นคือ สามารถส่งข่าวสารได้อย่างรวดเร็ว สื่อใหม่กลายเป็นสิ่งที่ ทุกคนบนโลกต้องใช้  ต้องอ่าน เช่น หนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ ภาพยนต์ คอมพิวเตอร์ และ อินเตอร์เน็ต ซึ่งทุกอย่างจะเป็นสื่อกลางในการทำงาน สื่อใหม่เป็นสื่อที่ทันสมัยตลอดเวลา เปลี่ยนแปลงตามเทคโนโลยีของโลก ทำให้ทุกคนต้องก้าวตามเสมอ เรียกได้ว่าถ้าใครไม่ตามคือไม่ทันสมัย สื่อใหม่จึงเป็นสิ่งที่ทุกคนติดตาม  สื่อใหม่ถือว่ามีอิทธิพลต่อทุกคน เพราะทุกคนเสพสื่อใหม่ทุกวันโดยไม่รู้ตัวการที่เรา ดู ละครทุกวัน เล่นอินเตอร์เน็ตทุกวัน อ่านหนังสือพิมพ์ เป็นต้น ถือว่าเราได้เป็นส่วนหนึ่งของสื่อใหม่ไปแล้ว สื่อใหม่ถือว่าเป็นการรวมตัวของสื่อเก่า เช่น แต่ก่อนเราต้องนั่งรอดูหนังที่ชอบ แต่เดี๋ยวนี้เราพลาด เราก็สามารถไปดูย้อนหลังได้ เกิดการพัฒนาขึ้นตามความต้องการของบุคคล สื่อใหม่เป็นสื่อที่ก้าวกระโดดคือ จากคนหนึ่ง ไปยังสองคน สามคน และหลายๆคน เผยแพร่ได้เร็วทันใจ แต่ก่อนเราไม่สามารถพูดจากันได้เลยเมื่ออยู่ไกลกัน ต้องเขียนจดหมาย พัฒนากลายเป็นใช้โทรศัพท์ แต่เดี๋ยวนี้สามารถคุยกันโดยเห็นหน้า กันได้แล้ว เรียกได้ว่า เป็นการพัฒนาที่ดี ดิฉันเชื่อว่าสื่อใหม่ยังสามารถ ก้าวไกลมากกว่านี้แน่นอน